Personal > LH Bank Advisory > Weekly Report > Wealth Weekly Report 24-04-2023

Wealth Weekly Report 24-04-2023
 

มุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์

การหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในวัฏจักรรอบนี้ เป็นการส่งสัญญาณ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และสร้างความเสียหายแก่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงเกิดคำถามกับนักลงทุนว่าจะต้องลงทุนอย่างไร ณ จุดที่ดอกเบี้ยอยู่ที่จุดสูงสุด

ทาง LH Bank Advisory นำเสนอกลยุทธ์ใน 2 ช่วงเวลา โดย (1.) ช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับฐานแรงนั้น นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในทองคำ และสามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade  เพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทน (2.) ช่วงที่สหรัฐฯ ออกนโยบายเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แนะนำลงทุนในตลาดการลงทุนจีนและอินเดีย เพราะการบริโภคในประเทศเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีการพึ่งพาการส่งออกอยู่ในระดับที่ต่ำทำให้สามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กำลังมาถึง

HOT ISSUE TO WATCH THIS WEEK

At the peak rate point, what happened to Emerging Asia?

ประเด็นที่กำหนดกลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลัง 2023 คือประเด็นที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขึ้นสู่จุดสูงสุดในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในรอบนี้ ที่ระดับ 5.25% จาก 5.00% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอีกหนึ่งครั้งในการประชุม FOMC ที่กำลังมาถึง ขณะที่ทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตรึงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนี้ เพื่อควบคุมทิศทางของเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดคำถามกับนักลงทุนถึงกลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่แถบภูมิภาคเอเชีย (Emerging Asia) ว่าจะเป็นอย่างไร ณ จุดที่ดอกเบี้ยอยู่ที่จุดสูงสุด

  • ลดความเสี่ยงที่ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสกุลท้องถิ่นกับสหรัฐฯจะกว้างมากขึ้น : จากนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่ผ่านมา ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ สูงกว่ากลุ่ม Emerging Asia จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่กดดันเงินทุนต่างประเทศไหลออก (Outflow) และสร้างผลกระทบให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลท้องถิ่นผันผวนในทิศทางอ่อนค่า จนเป็นเหตุให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตามมา รวมถึงสร้างความเสียหายไปยังทุนสำรองระหว่างประเทศ ดังนั้นทาง LH Bank Advisory คาดว่า การเปลี่ยนท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มาคงอัตราดอกเบี้ยนั้น ทำให้เกิดความคลี่คลายประเด็นเสี่ยงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่จะห่างกันมากขึ้น และเป็นสร้างโอกาสที่ ธนาคารกลางของ Emerging Asia จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยให้แคบลงได้อีกด้วย สร้างเสถียรภาพให้แก่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินท้องถิ่น และส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศกลับมาแข็งแกร่ง
  • ดัชนีหุ้น Emerging Asia มีความน่าสนใจ : ทั้งนี้ LH Bank Advisory ประเมินว่าในเวลานี้ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ถูกคงไว้ในระดับสูง จะเป็นสาเหตุที่ผลักให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งในเวลานี้พบว่า มีโอกาสที่เงินทุนไหลกลับเข้าประเทศ Emerging Asia เพราะเศรษฐกิจมีน่าสนใจลงทุนโดยเปรียบเทียบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของ Emerging Asia ที่ปรับลดลงใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนด และทุนสำรองระหว่างประเทศที่ดีขึ้น
ดังนั้นการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในวัฏจักรรอบนี้ จึงเป็นการส่งสัญญาณ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย และสร้างความเสียหายแก่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทาง LH Bank Advisory นำเสนอกลยุทธ์ใน 2 ช่วงเวลา โดย (1.) ช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับฐานแรงนั้น นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในทองคำ และสามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade  เพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทน (2.) ช่วงที่สหรัฐฯ ออกนโยบายเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แนะนำลงทุนในตลาดการลงทุนจีนและอินเดีย เพราะการบริโภคในประเทศเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีการพึ่งพาการส่งออกอยู่ในระดับที่ต่ำทำให้สามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กำลังมาถึง

ทอง ของมีค่า

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF)  ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก (GDP) ปี 2566 เหลือเพียง 2.8% จากเดิมที่คาดกาณ์ไว้ในเดือนมกราคม 2566 ที่ 2.9% คาดการณ์ GDP ใหม่นี้ถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี เช่นเดียวกับที่ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ GDP ปี 2566 จะขยายตัวเพียง1.7%

สาเหตุการปรับลดประมาณการ GDP ครั้งนี้ คงจะเป็นเรื่องใดไปไม่ได้ นอกจากผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรุนแรง เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อสูง จนทำให้บริษัทหลายแห่งของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีผลประกอบการที่อ่อนแอลง

เหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างของผลกระทบครั้งนี้ได้ดีคือ Bank run ในสหรัฐที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าปัญหานี้จะดูคลี่คลายลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หน่วยงานคุ้มครองเงินฝากธนาคาร (FDIC) และกระทรวงการคลังสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อคุ้มครองเงินฝากลูกค้าธนาคาร SVB และ Signature Bank เต็มจำนวน เพื่อลดความตื่นตระหนกที่ผู้คนพากันแห่ถอนเงิน ประกอบกับ Fed ได้ประกาศตั้งโครงการ Bank Term Funding Program มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยธนาคารที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุกาณ์ Bank run ทองคำซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยก็ได้รับความสนใจมากขึ้น เสมือนว่า Bank run ครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)
 

คาดการณ์ของตลาดมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 0.25% ในการประชุม FOMC เดือนพฤษภาคม 2566 ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลง ช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย จึงเพิ่มความน่าสนใจของทองคำมากขึ้น

ด้วยเหตุผลที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย Fed มีทีท่าชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนยังคงมีอยู่ LH Bank Advisory จึงคงคำแนะนำว่า การมีทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ในพอร์ต 5 – 10 % ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้

โอกาสกลับมาอีกครั้งของลูกเล็กแดนมังกร (STAR50 index)

ห่างหายไปนานสำหรับหุ้นเทคโนโลยีขนาดกลาง-เล็ก ของจีนกับดัชนี SSE Science and Technology Innovation Board 50 Index หรือ STAR50 ที่ปรับตัวเป็นแนวโน้มขาลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เช่นเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้ปัจจัยลบ ทั้งทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้นโยบาย Zero-COVID ของจีน ภาพรวมอุปสงค์ที่ลดลงสะท้อนในดัชนีภาคการผลิตที่ต่ำลง จนเข้าสู่ปี 2023 ผ่านไตรมาสที่หนึ่งไปแล้ว LH Bank Advisory พบว่ามี 4 ปัจจัยที่เริ่มเปลี่ยนไปและเป็นโอกาสในการเก็งกำไรในดัชนี STAR50 ดังนี้

  • โมเมนตัมราคา Valuation : ตั้งแต่ต้นปีดัชนี STAR50 ปรับตัวขึ้นกว่า 20% และสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้เมื่อปลายเดือนมีนาคม ทำให้เห็นโมเมนตัมเชิงบวกกลับมา รวมทั้ง Valuation ยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 3 ปี อยู่เล็กน้อย
  • ปัจจัยพื้นฐานและนโยบายภาครัฐสนับสนุน : รัฐบาลจีนได้ออกแนวทางการสนันสนุนภาคเอกชนโดยเน้นลงทุนและเร่งพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะความมั่นคงและการพึ่งพาตัวเองทางด้านเทคโนโลยีระดับสูง และกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด กลุ่ม Cloud โดยเฉพาะกลุ่ม Semiconductor และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่อยู่ในดัชนี STAR50 มีสัดส่วนถึง 41%
  • ทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย : จากวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ Fund Flow บางส่วนไหลเข้าสินทรัพย์จีนพุ่งแตะ 3 หมื่นล้านดอลล่าร์ ต่อเนื่องสองเดือนซ้อน
  • เศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโต : ตัวเลข GDP ของไตรมาส 1 ที่ออกมาล่าสุดที่ 4.5% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.0% เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโตอีกครั้ง ในขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตยังคงขยายตัว
•เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโตอีกครั้ง ในขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตยังคงขยายตัว

ในช่วงที่ตลาดลงทุนค่อนข้างยาก และคำแนะนำหลักของ LH Bank Advisory ก็เน้นให้เข้าลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีคุณภาพดี ซึ่งเหมาะกับการถือลงทุนเพื่อรอสัญญาณ Recession ในสหรัฐฯ และ FED เริ่มลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งนักลงทุนบางส่วนก็ได้เริ่มปรับพอร์ตไปแล้ว ในส่วนนักลงทุนที่เน้นจับจังหวะตลาด อาจใช้โอกาสที่ดัชนี STAR50 ย่อตัว เข้าเก็งกำไรในกองทุนที่ลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงดัชนีนี้ โดย LH Bank Advisory ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,030 – 1,060 จุด และเป้าหมายระยะสั้นที่แนวต้านถัดไปที่ 1,250 จุด ทั้งนี้แม้จะมีปัจจัยบวก แต่ก็ยังไม่สามารถประมาทกับปัจจัยเสี่ยงที่รออยู่ได้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดกลาง-เล็ก ยังมีความเปราะบางต่อสภาพเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่เข้มงวด หากธนาคารจีนเริ่มควบคุมการปล่อยสินเชื่อ หรือสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐเกิดขึ้น ก็คงหลีกเลี่ยงการปรับฐานไม่ได้ดังนั้นเมื่อนักลงทุนมีกำไรแนะนำว่าให้ take profit เพื่อรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอ และลงทุนในสินทรัพย์หลักที่เราแนะนำ คือ พันธบัตรสหรัฐ และ ทองคำ ต่อไป

MARKET EVENT AND VALUATION

Weekly Report 24-04-2023

Announcement on 24 April 2023

Related articles