ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด มหาชน (“ธนาคาร” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (รวมเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ตามกฎหมายไทย
ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อธิบายถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่ธนาคารเก็บรวบรวม โดยที่ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลที่ท่านมอบให้แก่ธนาคารเกี่ยวกับตัวท่านเอง หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และข้อมูลที่ธนาคารรับทราบจากการที่ท่านเป็นลูกค้าของธนาคาร และข้อมูลทางการตลาดที่ท่านประสงค์ที่จะให้ธนาคารส่งให้แก่ท่าน
2. ธนาคารใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
3. ธนาคารเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลใดบ้าง
4. ทางเลือกที่ธนาคารนำเสนอให้แก่ท่าน รวมถึงวิธีการเข้าถึงและดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นปัจจุบัน
5. สิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้แก่อะไรบ้าง และกฎหมายนั้นให้ความคุ้มครองท่านอย่างไร
1. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่ธนาคารเก็บรวบรวม
ธนาคารเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหลากหลายประเภท โดยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวมนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ และประเภทของผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือธุรกรรมที่ท่านร้องขอ
ธนาคารอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายดังต่อไปนี้
- เมื่อท่านสมัครใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของธนาคาร
- บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างท่านกับธนาคาร หรือสำนักงานสาขา รวมถึงการบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ ไปรษณีย์ อีเมล บันทึกข้อความ และวิธีการอื่นใด
- เมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือใช้แอปพลิเคชันของธนาคารผ่านทางมือถือ ซึ่งรวมถึงคุกกี้ และซอฟต์แวร์การติดตามทางอินเทอร์เน็ตอื่นๆ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทางนโยบายสำหรับคุกกี้ของธนาคาร
- เอกสารประกันภัย หรือเอกสารอื่นๆ
- การตรวจสอบและคำชี้แจงใดๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน
- แบบสำรวจลูกค้า
- เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายกับธนาคาร
- เมื่อท่านทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฎแก่สาธารณะอย่างชัดแจ้ง รวมถึงเปิดเผยข้อมูลผ่านทางโซเชียลมีเดีย (social media) ในกรณีดังกล่าว ธนาคารจะเลือกเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเลือกให้ปรากฎต่อสาธารณะเท่านั้น
- เมื่อธนาคารได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่น นายจ้างของท่าน ลูกค้าของธนาคาร หน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจ เป็นต้น
- เมื่อท่านซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ จากบุคคลที่สาม
ในบางกรณีธนาคารจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ และออฟไลน์เพิ่มเติม รวมถึงการเก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามที่ธนาคารจะต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ข้อมูลจากหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต (รวมถึงบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ) ธนาคารอาจรวมข้อมูลนี้เข้ากับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ธนาคารเก็บรวบรวมภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
ในบางกรณีธนาคารอาจว่าจ้างบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่บริษัทในกลุ่มของธนาคารเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของท่านเมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมแหล่งข้อมูลออนไลน์ของธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารยังอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของบริษัทในกลุ่มของธนาคารเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเข้าชมของท่าน ทั้งนี้ หากธนาคารได้ดำเนินการตามข้างต้น ธนาคารจะแจ้งเตือน และเสนอทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้ท่านสามารถปฏิเสธการเก็บรวบรวมดังกล่าวได้
ในบางกรณีธนาคารอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากองค์กรภายนอก หรือ บริษัทแม่/ผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือ บริษัทในเครือกิจการเดียวกัน หรือ ผู้เกี่ยวข้องกับธนาคาร เพื่อการบริหารความเสี่ยงตามหน้าที่ที่ธนาคารในฐานะสถาบันการเงินควรปฏิบัติ เช่น การตรวจสอบการทำธุรกรรมเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน หรือ การตรวจสอบการทำธุรกรรมกับผู้เกี่ยวข้องกับเครือกิจการเดียวกัน เพื่อป้องกันการขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมที่แจ้งไว้
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนตัว : ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขอื่นๆ ที่รัฐออกให้ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี สัญชาติ รูปที่ปรากฎในหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ ลายมือชื่อ ข้อมูลการยืนยันตัวตน (เช่น รหัสผ่าน คำตอบในกรณีที่ท่านลืมรหัสผ่าน PINs ข้อมูลการจดจำใบหน้าและเสียงเป็นต้น) ภาพถ่าย และรูปภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)
ข้อมูลครอบครัว : ชื่อและข้อมูลการติดต่อของสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งคู่สมรสและบุตร
ข้อมูลการติดต่อ : ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และรายละเอียดโปรไฟล์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย (social media)
ข้อมูลการศึกษา : รายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษาและคุณสมบัติของท่าน
ข้อมูลทางการเงิน : ที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต ชื่อและรายละเอียดของผู้ถือบัตรหรือเจ้าของบัญชี บันทึกคำสั่ง รายละเอียดธุรกรรม และรายละเอียดคู่สัญญา
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ : ที่อยู่ IP คุกกี้ บันทึกกิจกรรมตัวระบุออนไลน์ ค่าเอกลักษณ์ประจำอุปกรณ์ (unique device identifiers) และข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
2. ธนาคารใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
ธนาคารอาจเก็บรวบรวมใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะในกรณีที่ธนาคารมีเหตุผลที่เหมาะสม และเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอกด้วย
ธนาคารจะใช้ฐานทางกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งฐานต่อไปนี้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- เมื่อเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาที่ธนาคารทำไว้กับท่าน (ฐานสัญญา)
- เมื่อเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของธนาคาร (ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย)
- เมื่อเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของธนาคาร (ฐานประโยชน์อันชอบธรรม)
- เมื่อท่านให้ความยินยอม (ฐานความยินยอม)
วัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายที่ธนาคารอาจใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย มีต่อไปนี้
ในกรณีธนาคารมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ ธนาคารจะขอความยินยอมจากผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) เว้นแต่กรณีที่กฎหมายกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
ในกรณีที่ธนาคารอาศัยฐานผลประโยชน์อันชอบธรรมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ธนาคารจะพิจารณาว่า ประโยชน์ดังกล่าวของธนาคารนั้น มีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือไม่ และจะต้องสามารถสรุปได้ว่าประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน
3. ธนาคารเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลใดบ้าง
ธนาคารอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นในกรณีที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้ที่ธนาคาร หรือบุคคลอื่นดังกล่าว
- จำเป็นต้องดำเนินการให้แก่ท่านตามข้อตกลงภายใต้สัญญา หรือผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการที่ท่านร้องขอ เช่น ทำตามคำขอชำระเงิน เป็นต้น
- มีหน้าที่ตามกฎหมายในการกระทำการดังกล่าว เช่น เพื่อสืบหาและป้องกันการทุจริต การหลบหลีกภาษี อาชญากรรมทางการเงิน เป็นต้น
- จำเป็นต้องรายงานตามกฎหมาย ดำเนินคดี ใช้สิทธิตามกฎหมาย หรือปกป้องสิทธิเรียกร้องและผลประโยชน์ตามกฎหมาย
- กระทำไปเพื่อประโยชน์ของธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อบริหารความเสี่ยง ยืนยันตัวตน ให้บริษัทอื่นสามารถให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ หรือประเมินความเหมาะสมของท่านต่อสินค้า และ/หรือบริการ เป็นต้น
- ขอความยินยอมจากท่านในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และท่านให้ความยินยอม
ธนาคารอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้นให้กับบุคคลอื่นดังต่อไปนี้
- บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้รับเหมาช่วง ตัวแทน หรือผู้ให้บริการที่ทำงานให้ธนาคารหรือให้บริการแก่ธนาคาร หรือแก่บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร รวมถึงพนักงาน กรรมการและเจ้าหน้าที่ด้วย
- ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการดูแลทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ใด ๆเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือเจ้าพนักงานบังคับคดี
- บุคคลที่ค้ำประกันหรือวางหลักทรัพย์อื่น ๆ ตามจำนวนที่ท่านมีภาระต้องชำระให้กับธนาคาร
- บุคคลใด ๆ ที่ท่านได้ชำระเงินให้ และได้รับการชำระเงิน
- ตัวกลาง ตัวแทนของธนาคาร แผนกการเงิน ระบบการชำระเงิน คู่ค้าและบริษัทอื่น ๆ ที่ท่านลงทุนผ่านธนาคาร
- สถาบันการเงินอื่น ผู้ให้กู้ และผู้ถือหลักทรัพย์ที่อยู่เหนือทรัพย์สินที่ท่านวางเป็นหลักประกันไว้กับธนาคาร เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร สมาคมการค้า หน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต ผู้ให้บริการการชำระเงิน และตัวแทนเรียกชำระหนี้
- ผู้จัดการกองทุนใด ๆ ที่ให้บริการด้านการจัดการสินทรัพย์แก่ท่าน และโบรกเกอร์ใด ๆ ที่แนะนำท่านให้กับธนาคาร หรือติดต่อธนาคารให้ท่าน
- บุคคล หรือบริษัทใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างบริษัท การควบรวม หรือเข้าถือครองกิจการที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นโดยรวมถึงการโอนสิทธิ หรือหน้าที่ใด ๆ ซึ่งธนาคารมีอยู่ภายใต้สัญญาระหว่างธนาคาร และท่าน
- หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย รัฐบาล ศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท ผู้กำกับดูแลธนาคาร ผู้ตรวจสอบบัญชี และบุคคลใด ๆ ซึ่งแต่งตั้ง หรือร้องขอโดยผู้กำกับดูแลธนาคาร ให้ทำการตรวจสอบกิจกรรมการดำเนินงานของธนาคาร
- บุคคลอื่นใดซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม
- หน่วยงานป้องกันการทุจริตซึ่งใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสืบหา และป้องกันการทุจริต และอาชญากรรมทางการเงินอื่น ๆ และเพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
- บุคคลใด ๆ ที่ออกคำสั่ง หรือบริหารจัดการบัญชีใด ๆ ของท่าน สินค้า หรือบริการในนามของท่าน เช่น ผู้รับมอบอำนาจทนายความตัวกลาง เป็นต้น
- บุคคลใด ๆ ที่ธนาคารได้รับคำสั่งจากท่านให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลดังกล่าว
ธนาคารอาจจะเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สามในบางสถานการณ์ เช่น ข้อมูลโฆษณาประจำตัว หรือการเขียนชุดคำสั่งด้วยโค้ดแบบทางเดียวของตัวระบุบัญชีทั่วไป (การเข้ารหัสแบบ Hash) เช่น หมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมลเพื่อโฆษณากลุ่มเป้าหมาย
เว้นแต่ได้กำหนดไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ธนาคารจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หากธนาคารจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือส่งข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ธนาคารจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้
ธนาคารดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิให้ความยินยอมหรือปฏิเสธการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ธนาคารจะปฏิบัติตามประกาศความเป็นส่วนตัวนี้อย่างเคร่งครัดต่อข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองของธนาคารซึ่งเกี่ยวข้องกับลูกค้าและนักลงทุนในอนาคต ปัจจุบันและในอดีต
การส่ง หรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกส่งไปยังบริษัทแม่/บริษัทในเครือกิจการเดียวกันที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน หรืออาจส่งให้บริษัทอื่นที่อยู่ในต่างประเทศ และประมวลผลในต่างประเทศ เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บน Sever/Cloud ในต่างประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ ธนาคารจะตรวจสอบจนมั่นใจว่า ประเทศดังกล่าวมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เทียบเท่ากับประเทศไทยหรืออยู่ในระดับที่เหมาะสม และการส่ง หรือโอนข้อมูลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ธนาคารอาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างท่าน และธนาคารปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และ/หรือผลประโยชน์อันชอบธรรมของธนาคาร อย่างไรก็ตามกฎหมายของบางประเทศอาจกำหนดให้ธนาคารต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภท เช่น เปิดเผยให้กับหน่วยงานทางภาษี หรือธนาคารแห่งชาติ ในกรณีเช่นว่านั้น ธนาคารจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีสิทธิเห็น หรือเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น
4. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ธนาคารจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ และกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ธนาคารอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นเวลา 10 ปีภายหลังจากที่ท่านไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร แล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของธนาคารในการดำเนินข้อพิพาททางสัญญาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาดังกล่าว เว้นแต่กรณีที่มีเหตุผลทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ ธนาคารอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่า 10 ปีได้ หากธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลของท่านแล้ว ธนาคารจะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
กรณีที่ท่านได้รับผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการจากบุคคลที่สาม เช่น บริษัทประกันภัย ซึ่งได้รับการแนะนำมาจากธนาคาร บุคคลที่สามอาจจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามข้อกำหนดที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการนั้นๆ
5. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านจะต้องทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของธนาคารมีความเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และถูกต้อง โดยจะต้องแจ้งธนาคารเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยติดต่อตัวแทนของธนาคารผ่านช่องทางที่จัดเตรียมไว้ ดังต่อไปนี้
ธนาคารจะขอให้ท่านปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเป็นครั้งคราว เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง และสมบูรณ์
6. สิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้แก่อะไรบ้าง และกฎหมายนั้นให้ความคุ้มครองท่านอย่างไร
1. สิทธิในการขอถอนความยินยอม : ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่จะให้ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ธนาคารอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากธนาคารมีฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านมีสิทธิในการขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของธนาคาร และตรวจสอบว่าธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของธนาคารให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์
4. สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านมีสิทธิร้องขอให้ธนาคารลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป โดยท่านสามารถใช้สิทธิในการขอให้ธนาคารลบข้อมูลส่วนบุคคลนี้ควบคู่ไปกับสิทธิในการคัดค้านในข้อถัดไป
5. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่ธนาคารประมวลผลภายใต้ฐานผลประโยชน์อันชอบธรรมของธนาคาร นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด และเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (Profiling)
6. สิทธิในการห้ามมิให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านมีสิทธิขอให้ธนาคารระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว เช่น เมื่อท่านต้องการให้ธนาคารแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเมื่อท่านร้องขอให้ธนาคารพิสูจน์เหตุผลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
7. สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านมีสิทธิร้องขอให้ธนาคารโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่น
8. สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน : ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
การจัดการกับเรื่องร้องเรียน
ท่านสามารถติดต่อธนาคารเพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่ธนาคารประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและธนาคารจะพิจารณาคำขอของท่านโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การร้องเรียนต่อธนาคารนี้ ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของท่านในการร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
7. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินของธนาคาร ดังนั้น ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง ธนาคารจะตรวจสอบ และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของธนาคาร ทั้งทางกายภาพ และทางเทคนิคที่ทันสมัยอยู่เสมอเมื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ธนาคารได้วางนโยบาย และมาตรการควบคุมภายในเพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ถูกเปิดเผย และเข้าถึงโดยบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ของธนาคาร โดยพนักงานของธนาคารนั้นได้รับการอบรม และฝึกฝนให้จัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับการอบรมฝึกฝนดังกล่าว พนักงานจะได้รับโทษทางวินัย
8. หน้าที่ของท่าน
ท่านมีหน้าที่ตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับธนาคารไม่ว่าจะด้วยตัวของท่านเอง หรือในนามของท่าน มีความถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน และท่านมีหน้าที่ต้องแจ้งให้ธนาคารทราบโดยเร็วที่สุดหากข้อมูลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับธนาคารแล้ว ท่านจะมีหน้าที่ตามสัญญาในการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ธนาคาร เพื่อให้ท่านสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้ การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียสิทธิทางกฎหมาย
ท่านมีความจำเป็นที่จะต้องส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลการจ่ายเงินให้กับธนาคาร เพื่อให้ธนาคารสามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ หากท่านไม่ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาจทำให้ธนาคารไม่สามารถใช้สิทธิ และปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันที่เกิดขึ้นจากสัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว
ธนาคารจะตรวจสอบประกาศความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้จึงอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนั้น สามารถดูได้จากวันที่ด้านล่างของเอกสาร
10. ช่องทางการติดต่อธนาคาร
ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิใด ๆ โปรดติดต่อธนาคารที่