ดอกเบี้ย MRR คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อการกู้บ้าน
ในโลกการเงินและการกู้ยืม ธนาคารมีอัตราดอกเบี้ยหลายประเภท เช่น MRR (Minimum Retail Rate) สำหรับสินเชื่อบ้าน, MOR (Minimum Overdraft Rate) สำหรับสินเชื่อเบิกเกินบัญชี และ MLR (Minimum Loan Rate) สำหรับสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนชำระ ดอกเบี้ยแต่ละตัวส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายรวมตลอดอายุสัญญา โดยเฉพาะ MRR เป็นอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้านที่หลายคนยังไม่เข้าใจ
โดยการกำหนดอัตราดอกเบี้ย MRR จะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารและปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างสถาบันการเงินเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะแม้ดอกเบี้ยจะต่างกันเพียงเล็กน้อย เมื่อคำนวณตลอดระยะเวลา 20-30 ปี จะส่งผลต่อจำนวนเงินที่ต้องจ่ายอย่างมาก บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย MRR ให้มากขึ้นกว่าเดิม จะมีส่วนไหนบ้างที่ควรรู้ ไปดูพร้อมกันเลย
ดอกเบี้ย MRR คืออะไร?
ดอกเบี้ย MRR ย่อมาจาก Minimum Retail Rate หมายถึงอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี MRR เป็นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อต่าง ๆ เช่น สินเชื่อบ้าน โดยธนาคารอาจปรับเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยที่ลูกค้าจะได้รับจริงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งอาจพิจารณาจากความเสี่ยงของผู้กู้และเงื่อนไขพิเศษที่ตกลงกัน ทำให้ดอกเบี้ยที่ลูกค้าแต่ละรายได้รับอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามข้อกำหนดของสัญญาสินเชื่อที่ตกลงกันกับธนาคาร
ดอกเบี้ย MRR มีความสำคัญต่อการกู้ซื้อบ้านอย่างไร?
-
เป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริง
MRR เป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายจริง โดยธนาคารจะบวก หรือลบส่วนต่างจาก ดอกเบี้ย MRR ตามปัจจัยเสี่ยงของผู้กู้และประเภทสินเชื่อ ส่งผลโดยตรงต่อยอดผ่อนรายเดือนและจำนวนดอกเบี้ยรวมตลอดอายุสัญญาเงินกู้ ผู้กู้จึงควรตรวจสอบ และทำความเข้าใจอัตราดอกเบี้ย MRR เพื่อประเมินรายจ่ายจริงของคุณ โดยส่วนใหญ่ MRR จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า MLR แต่ในบางช่วง ก็อาจต่ำกว่า MLR ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร
-
มีผลต่อจำนวนเงินผ่อนชำระรายเดือน
อัตราดอกเบี้ย MRR มีผลโดยตรงต่อจำนวนเงินที่คุณต้องผ่อนชำระกับธนาคารในแต่ละเดือน หากดอกเบี้ย MRR ปรับสูงขึ้น ค่างวดรายเดือนของคุณจะเพิ่มตาม แต่ถ้าดอกเบี้ย MRR ลดลง ภาระการผ่อนก็จะลดลงด้วย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการวางแผนการเงินระยะยาวของคุณ ดังนั้น การคำนวณ MRR จึงมีความสำคัญต่อการบริหารเงินบุคคลอย่างมาก
-
เปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารแต่ละสถาบัน มีการปรับเปลี่ยนตามสภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินของประเทศ เมื่อเศรษฐกิจเติบโต ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ดอกเบี้ย MRR สูงขึ้นตาม ในทางกลับกัน หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย MRR มักจะลดลงเพื่อกระตุ้นการกู้ยืมและการใช้จ่าย จึงควรตรวจสอบ MRR อยู่เสมอ เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ในระยะยาว
ดอกเบี้ยลอยตัวประเภทอื่น ๆ
ดอกเบี้ย MLR (Minimum Loan Rate)
MLR หรือ Minimum Loan Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่มีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดใน 3 ประเภท โดยมักใช้กับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อบ้าน
ดอกเบี้ย MOR (Minimum Overdraft Rate)
MOR หรือ Minimum Overdraft Rate ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ ที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft) สำหรับลูกค้ารายใหญ่ โดยปกติดอกเบี้ย MOR จะสูงกว่า ดอกเบี้ย MRR แต่มีลักษณะการกู้ยืมที่ยืดหยุ่นกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
ดอกเบี้ย MRR แตกต่างจากดอกเบี้ย MLR และ MOR อย่างไร?
ดอกเบี้ย MRR: (Minimum Retail Rate)
- ใช้กับลูกค้ารายย่อยชั้นดี
- มีอัตราสูงกว่า MLR แต่ต่ำกว่า MOR
- ใช้กับสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน
ดอกเบี้ย MLR: Minimum Loan Rate
- ใช้กับลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ชั้นดี
- มักมีอัตราต่ำที่สุด
- ใช้กับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อบ้าน
ดอกเบี้ย MOR: Minimum Overdraft Rate
- MOR ใช้กับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่ใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี
- MOR มักมีอัตราสูงที่สุด แต่ยืดหยุ่นที่สุดเช่นกัน
- ใช้กับวงเงินเบิกเกินบัญชี และสินเชื่อส่วนบุคคล
วิธีการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อโดยอิงจาก MRR เบื้องต้น
การคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อที่อิงจาก MRR (Minimum Retail Rate) เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้กู้ยืมควรทำความเข้าใจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการชำระเงินกู้ในระยะยาว โดยแต่ละธนาคารจะมีวิธีการคำนวณที่คล้ายกัน แต่รายละเอียดในการคำนวณและอัตราที่ใช้สามารถแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร คุณสามารถนำวิธีเหล่านี้ไปคำนวณเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง เพื่อให้ทราบถึงประมาณการการชำระดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น
ดอกเบี้ยต่องวด = (เงินต้นคงเหลือ × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวันในงวด) ÷ 365
ตัวอย่างเช่น หากคุณกู้เงิน 2 ล้านบาท โดยอัตรา MRR ปัจจุบันอยู่ที่ 7% และธนาคารเสนอ MRR-0.25% ในปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณจะเท่ากับ 6.75% ทำให้ดอกเบี้ยสำหรับปีที่ 2 เท่ากับ 135,000 บาท
ทั้งนี้ ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากดอกเบี้ย MRR เป็นอัตราลอยตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามนโยบายธนาคาร
-
ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารที่สนใจ
ในการเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมการตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารที่สนใจ เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากอัตราดอกเบี้ย MRR คือ อัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่ธนาคารใช้คำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อของลูกค้า ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามนโยบายของแต่ละธนาคาร คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ย MRR และเงื่อนไขต่าง ๆ ได้จากเว็บไซต์ของธนาคาร หรือสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และลดความคลาดเคลื่อนจากการคำนวณ
-
ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ
ในการตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ คุณสามารถดูได้จากสัญญาเงินกู้ที่ระบุอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนด โดยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อมักจะอ้างอิงกับ MRR อัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่ใช้คำนวณ โดยธนาคารอาจเสนออัตราที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าฐาน MRR เช่น MRR -1% หรือ MRR +2% ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ดังนั้นควรตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัดจากเอกสารที่ได้รับจากธนาคารที่คุณสนใจเพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่าที่สุด
-
คำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของคุณ
ในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ต้องรู้ว่า "ดอกเบี้ย MRR คืออะไร" ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่ธนาคารใช้คำนวณการชำระเงินของสินเชื่อ
หากอัตราดอกเบี้ยเป็น MRR - ส่วนต่าง: คุณต้องนำอัตราดอกเบี้ย MRR ลบด้วยส่วนต่างที่ธนาคารกำหนด
หากอัตราดอกเบี้ยเป็น MRR + ส่วนต่าง: คุณต้องนำอัตราดอกเบี้ย MRR บวกด้วยส่วนต่างที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้คุณคำนวณได้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของคุณอยู่ที่เท่าใด
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ย MRR เป็นสิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจกู้ยืม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย MRR คือ พื้นฐานที่ธนาคารใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อ การรู้จักวิธีการคำนวณและตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย MRR จะช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขจากธนาคารต่าง ๆ ได้ และยังช่วยให้คุณเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการทางการเงินของคุณ การตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยอย่างละเอียด สามารถป้องกันการจ่ายดอกเบี้ยที่เกินความจำเป็น และช่วยให้คุณบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระหนี้สินต่อเดือนได้ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน LH Bank เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่พร้อมช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ ด้วยอัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น รวมถึงโปรโมชันพิเศษที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่างวดผ่อนบ้าน หรือเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
* หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศและระเบียบที่ธนาคารกำหนด
**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ปัจจุบัน อยู่ระหว่าง 4.72% - 4.84% ต่อปี สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR = 8.58% ต่อปี อ้างอิง ณ วันที่ 12 มี.ค. 2568 ทั้งนี้ “อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้” รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.lhbank.co.th
- อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ดอกเบี้ยที่แรก = 1.59% ต่อปี ดอกเบี้ยปีที่ 2-3 = 3.63% ต่อปี และทำประกัน MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขของธนาคาร และไม่ฟรีค่าจำนอง
- เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
- โปรโมชันวันนี้ – 31 ต.ค. 2568