ลูกค้าบุคคล > บทความสินเชื่อ > ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านหรือประกัน MRTA คืออะไร
บทความสินเชื่อ 2568

ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านหรือประกัน MRTA คืออะไร

 

ประกัน MRTA คืออะไร

การกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยของตัวเอง ถือว่าเป็นการตัดสินใจและความรับผิดชอบครั้งใหญ่ในการผ่อนชำระหนี้ทุก ๆ เดือน แต่หากเกิดเหตุร้ายแรงกับผู้กู้สินเชื่อจนทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ อาจกลายเป็นภาระใหญ่เกินกว่าคนข้างหลัง เช่น ครอบครัวหรือทายาท จะรับผิดชอบไหว และเป็นปัญหาตามมาภายหลังได้ 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเรามีทางเลือกเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนค่าบ้านให้เบาลง นั่นคือ ประกัน MRTA สำหรับคนมีบ้าน ซึ่งช่วยและดูแลหนี้คงเหลือ โดยครอบครัวหรือทายาทไม่ต้องกังวลเรื่องการแบกรับหนี้สินต่อ บทความนี้จะพามาทำความรู้จักว่า ประกัน MRTA คืออะไร มีความสำคัญและประโยชน์ต่อผู้กู้ยืมสินเชื่อบ้านอย่างไรบ้าง
 

ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หรือ ประกัน MRTA คืออะไร?

Mortgage Reducing Term Assurance หรือ ประกัน MRTA คือ ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ออกแบบมาให้คุ้มครองวงเงินกู้ยืมเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัย มีบทบาทในการแบ่งเบาหรือช่วยรับผิดชอบการชำระหนี้บ้านส่วนที่เหลือ เมื่อผู้ทำประกันเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรจนไม่อาจรับผิดชอบหนี้คงเหลือได้ ซึ่งประกันดังกล่าวทางธนาคารมักแนะนำให้ทำควบคู่กับการขอสินเชื่อ โดยมีค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติม และมาพร้อมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ส่วนลดสำหรับอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
       

ประกัน MRTA คุ้มครองสินเชื่อบ้านอย่างไรบ้าง?

หน้าที่หลักของประกัน MRTA คือการคุ้มครองและรับผิดชอบชำระหนี้คงเหลือแทนทายาทหรือครอบครัวผู้ทำประกัน โดยมีธนาคารและสถาบันทางการเงินเป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งรูปแบบการคุ้มครองประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
  1. คุ้มครองตามวงเงินกู้

    การคุ้มครองรูปแบบนี้ ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวงเงินกู้และระยะเวลาในการผ่อนชำระ โดยทุนประกันเริ่มต้นนั้นมีมูลค่าเท่ากับยอดเงินกู้ทั้งหมด สามารถขอลดวงเงินความคุ้มครองลงได้ ทั้งนี้ ทุนประกันจะลดลงเรื่อย ๆ ตามจำนวนเงินเอาประภัยที่ลดลงตามปีกรมธรรม์มีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปี, 20 ปี ไปจนถึง 30 ปี สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้แบบครั้งเดียว หรือผ่อนตามเงื่อนไขของธนาคาร

    ตัวอย่างการคุ้มครองตามวงเงินกู้: คุณ A กู้ซื้อบ้านมาทั้งหมด 2 ล้านบาท ผ่อนนาน 20 ปี พร้อมทำประกัน MRTA ซึ่งคุ้มครอง 2 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 20 ปีเท่ากัน เมื่อคุณ A เสียชีวิตในปีที่ 10 และมีจำนวนเงินเอาประภัยตามกรมธรรม์ 1,100,000 บาท ประกันจะรับผิดชอบหนี้ส่วนนี้ทั้งหมด ส่วนบ้านหลังดังกล่าวจะตกเป็นของครอบครัวโดยไม่ต้องชำระหนี้ต่อ
  2. คุ้มครองตามระยะเวลา

    เป็นรูปแบบที่มีการคุ้มครองตามระยะเวลาในการผ่อนชำระ โดยเบี้ยประกันสามารถจ่ายได้ครั้งเดียวหรือผ่อนรวมกับค่าบ้านได้ แต่เบี้ยประกันจะสูงขึ้นตามระยะเวลาในการคุ้มครอง เพราะยิ่งผ่อนนานก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับบริษัทประกันมากขึ้นด้วย ข้อดีคือ การคุ้มครองนั้นครอบคลุมตลอดช่วงเวลาผ่อนชำระหนี้ เหมือนมีแผนสำรองตลอดเวลาการจ่าย อีกทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องเสียบ้านไปเพราะขาดผ่อน

    ตัวอย่างการคุ้มครองตามระยะเวลา: คุณ B กู้ซื้อบ้านมา 2.5 ล้าน ผ่อนเป็นเวลา 20 ปี พร้อมทำ MRTA ประกันจะให้การคุ้มครองตลอดระยะเวลา 20 ปี เมื่อคุณ B เสียชีวิตในปีที่ 15 โดยมีความคุ้มครองเหลืออยู่ 8 แสนบาท ประกันจึงทำการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวแทนครอบครัวคุณ B และบ้านซึ่งผ่อนชำระอยู่ ครอบครัวก็จะได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าของต่อไป

การทำประกัน MRTA มีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้กู้บ้าน

การโปะบ้านไม่ใช่เพียงการจ่ายเงินเพิ่ม แต่เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด หากคุณกำลังหาวิธีที่มีประสิทธิภาพ ขอแนะนำ 5 วิธี ดังต่อไปนี้

  1. คุ้มครองภาระหนี้สิน

    ในกรณีผู้กู้ยืมเสียชีวิตลง ประกัน MRTA จะรับผิดชอบจ่ายส่วนที่เหลือให้กับธนาคารแทน เพื่อไม่ให้หนี้ตกทอดไปยังทายาทและครอบครัว
  2. สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว 

    หากวันใดวันหนึ่งเกิดเหตุร้ายแรงกับผู้กู้สินเชื่อ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าหนี้ส่วนที่เหลือมีบริษัทประกันดูแลให้ และกรรมสิทธิ์บ้านยังคงเป็นของครอบครัวลูกหนี้ โดยไม่ต้องรับภาระต่อหรือกังวลเรื่องการถูกยึด
  3. ลดความเสี่ยงทางการเงิน 

    ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ช่วยลดโอกาสการเกิดหนี้เสียเพราะขาดการผ่อนชำระได้ พร้อมบริหารความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว ช่วยให้ไม่เป็นภาระความรับผิดชอบของคนข้างหลัง
  4. ชำระเบี้ยประกันครั้งเดียว 

    ผู้กู้สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเบี้ยประกันแบบครั้งเดียว หรือผ่อนพร้อมกับค่างวดบ้าน โดยการจ่ายแบบครั้งเดียวนั้นช่วยให้สามารถวางแผนการเงินได้สะดวกขึ้น ลดรายจ่ายเพิ่มเติมของแต่ละเดือน
  5. นำไปลดหย่อนภาษีได้

    เบี้ยประกัน MRTA นั้น ใช้หย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 1 แสนบาท
  6. เป็นมรดกให้ลูกหลาน 

    หลังจากผู้กู้ยืมเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ เมื่อประกันชำระหนี้บ้านส่วนที่เหลือแทนแล้ว บ้านหลังดังกล่าวจะอยู่ในสถานะปลอดหนี้ พร้อมสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้อย่างเต็มรูปแบบ

ประกัน MRTA มีประโยชน์อย่างไร

ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว 

    บุคคลซึ่งมีบทบาทหลักในการหาเงินมาดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของครอบครัว รวมถึงการชำระหนี้ค่าบ้านในแต่ละเดือน
  • ผู้ที่มีภาระหนี้สินระยะยาว

    การกู้สินเชื่อเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น 20–30 ปี อาจเกิดความเสี่ยงจากเรื่องไม่คาดฝันระหว่างการผ่อนชำระได้ ถือเป็นอีกกลุ่มซึ่งมีความจำเป็นต้องทำประกัน MRTA
  • ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงทางการเงิน

    เพื่อบริหารความเสี่ยงพร้อมสร้างความมั่นคงในระยะยาว การทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ ให้เบาลง และลดวิกฤตทางการเงินของครอบครัวได้

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อประกัน MRTA

  • เปรียบเทียบความคุ้มครองจากบริษัทประกันต่าง ๆ 

    ผู้ให้บริการประกันในแต่ละบริษัท จะตั้งเงื่อนไขการรับประกันไว้แตกต่างกัน ทั้งในด้านระยะเวลาคุ้มครอง, ทุนประกัน, การคุ้มครองเพิ่มเติม ไปจนถึงเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย โดยผู้ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ต้องเปรียบเทียบทั้งราคาและเงื่อนไขก่อนการตัดสินใจก่อนเสมอ
  • ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์ 

    กรมธรรม์ประกันทุกฉบับมีข้อยกเว้นการคุ้มครองระบุไว้ ซึ่งมีบางสาเหตุที่ประกันจะปฏิเสธการคุ้มครอง ทำให้ไม่สามารถเคลมประกันได้ เช่น การฆ่าตัวตายใน 1 ปีแรก, อาการทุพพลภาพถาวรบางประเภท หรืออาการเจ็บป่วยซึ่งมีมาก่อนทำประกัน
  • ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน 

    เป็นส่วนสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนการทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน โดยทั่วไปธนาคารจะให้เลือกวิธีการจ่ายเบี้ยประกัน 2 แบบ คือจ่ายครั้งเดียวในตอนต้นสัญญา กับการนำไปรวมไปในยอดเงินกู้แล้วผ่อนจ่ายไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งผู้ทำประกันต้องพิจารณาว่าตนมีความสามารถในการจ่ายเบี้ยแบบไหน เมื่อเห็นว่าเบี้ยสูงเกินไป อาจต้องเลือกให้คุ้มครองแบบบางส่วน เช่น ลดวงเงินที่คุ้มครองเหลือเพียง 50%-70% เป็นต้น
การทำประกัน MRTA คือทางเลือกสำคัญที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่า แม้เกิดเหตุร้ายแรงจนทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ ก็ยังมีประกันเข้ามาช่วยดูแลยอดหนี้คงเหลือให้ตามเงื่อนไข และบ้านของคุณจะยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของคนในครอบครัวเช่นเดิม

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังผ่อนบ้านแต่ประสบปัญหาทางการเงิน หมุนเวียนค่าใช้จ่ายไม่ทัน เริ่มชำระหนี้ไม่ไหวแต่ไม่อยากผิดนัดชำระ LH Bank ขอเสนอรีไฟแนนซ์บ้านแสนคุ้มค่า ให้คุณนำเงินก้อนไปไถ่ถอนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินเดิม พร้อมขอวงเงินเพิ่มสำหรับการต่อเติม ตกแต่ง ซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือสินเชื่ออเนกประสงค์ได้ตามต้องการ ด้วยเงื่อนไขพิเศษที่คัดสรรมาแล้วเพื่อทุกคน

* หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศและระเบียบที่ธนาคารกำหนด
**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ปัจจุบัน อยู่ระหว่าง 4.69% - 4.81% ต่อปี สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR = 8.53% ต่อปี อ้างอิง ณ วันที่ 27 พ.ค. 2568 ทั้งนี้ “อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้” รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.lhbank.co.th

  • อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ดอกเบี้ยที่แรก = 1.59% ต่อปี ดอกเบี้ยปีที่ 2-3 = 3.63% ต่อปี โดยลูกค้าต้องทำประกัน MRTA/MLTA และไม่ฟรีค่าจดจำนองตามเงื่อนไขของธนาคาร

  • เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด 

  • โปรโมชันวันนี้ – 31 ต.ค. 2568

     

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง