ลูกค้าบุคคล > บทความสินเชื่อ > รีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี ได้ไหม?
บทความสินเชื่อ 2568

รีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี ได้ไหม? ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

 

อัตราดอกเบี้ย EIR คืออะไร

เป้าหมายของใครหลาย ๆ คน คือการมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่หลังจากได้บ้านมาแล้ว อาจจะเจอสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมบ้านบานปลาย รายได้หดหายจากพิษเศรษฐกิจ หรือยอดดอกเบี้ยพุ่งแซงเงินต้น ทำให้ต้องคิดว่า "ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องรีไฟแนนซ์บ้านก่อนครบ 3 ปี?" 

ซึ่งปกติแล้วธนาคารมักจะแนะนำให้ลูกหนี้ผ่อนไปสัก 3-5 ปี เพื่อประเมินความสามารถในการชำระ หากมีความจำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดตามสัญญา ส่วนใหญ่จะมีค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมา ที่คุณควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ
 

รีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี มีค่าปรับ/ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?  

หากคุณกำลังวางแผนรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ ต้องมีการจ่ายค่าปรับรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควรเตรียมพร้อมไว้ดังนี้
 

• ค่าปรับรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด

ค่าปรับที่เกิดจากการ Refinance บ้านก่อน 3 ปี บางธนาคารจะเรียกว่า “ค่าผิดสัญญา” หรือ “ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนก่อนกำหนด” เรียกเก็บประมาณ 2%-3% ของยอดเงินกู้คงเหลือตามที่ระบุไว้ในสัญญา 
ยกตัวอย่าง นายเอ กู้เงิน 3,000,000 บาท ในปี 2023 แต่ต้องการรีไฟแนนซ์ในปี 2025 โดยธนาคารที่นายเอกู้เงินมานั้น มีค่าปรับรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดอยู่ที่ 2% ดังนั้น นายเอจะต้องจ่ายเงินค่าปรับส่วนนี้ประมาณ 60,000 บาท เป็นต้น
 

• ค่าจดจำนอง

ในการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ จะต้องมีการจ่ายค่าจดจำนองให้กับกรมที่ดินอีกครั้ง ซึ่งปกติจะอยู่ที่ 1% ของยอดเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ เช่น ถ้ามีวงเงินกู้ 1,000,000 บาท ค่าจดจำนองก็จะอยู่ประมาณ 10,000 บาท แต่บางธนาคารอาจมีโปรโมชัน เข้ามาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เช่น ออกค่าจดจำนองให้ก่อน หรือลดหย่อนเป็นกรณีพิเศษ
 

• ค่าประเมินหลักทรัพย์

เมื่อยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ จะมีการเรียกเก็บค่าประเมินหลักทรัพย์อีกครั้ง ซึ่งค่าบริการส่วนนี้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ขอกู้ ประเภทหลักทรัพย์ และนโยบายของแต่ละธนาคาร แต่บางแห่งก็มีการยกเว้นค่าประเมินส่วนนี้ให้
 

• ค่าอากรแสตมป์

ค่าธรรมเนียมภาษีสำหรับเอกสารทางกฎหมาย เพื่อเป็นการยืนยันว่าเอกสารหรือสัญญานั้น ๆ ถูกต้องตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด ซึ่งประเภทเอกสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์ มีหลายอย่าง เช่น ตั๋วแลกเงิน หนังสือค้ำประกัน รวมไปถึงสัญญากู้ยืมเงิน โดยจะคิดเป็น 0.05% ของวงเงินกู้ (สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท) 
เช่น ถ้ามีวงเงินกู้ 3,000,000 บาท ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 1,500 บาท เป็นต้น
 

รีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

หากคุณกำลังวางแผนรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ ต้องมีการจ่ายค่าปรับรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควรเตรียมพร้อมไว้ดังนี้
 

• เตรียมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

การรีไฟแนนซ์ก่อน 3 ปี มักจะมีค่าปรับตามสัญญา ที่ต้องจ่ายให้กับธนาคารเดิม นอกจากนี้ก็ยังมีค่าดำเนินการอื่น ๆ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทางที่ดีควรสอบถามข้อมูลจากธนาคารเก่าและใหม่อย่างละเอียด ว่ามีค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขอะไรบ้าง แล้วค่อยวางแผนเตรียมเงินให้พร้อม
 

• ศึกษาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารใหม่

ต้องเปรียบเทียบอัตราของธนาคารต่าง ๆ อย่างละเอียด เพราะดอกเบี้ยจะอยู่กับคุณไปอีกนาน ให้ดูทั้งอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป 
นอกจากนี้อย่าลืมดูเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์จากธนาคาร ที่มักจะออกโปรโมชันพิเศษมาแข่งขันกันอยู่ตลอด เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมบางรายการ หรือมีของแถมจากการทำสัญญา โดยรายละเอียดพวกนี้ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ว่าควรจะอยู่กับธนาคารเดิม หรือย้ายไปเริ่มต้นกับธนาคารใหม่มากกว่ากัน
 

• ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ

หากศึกษารายละเอียดสินเชื่อของแต่ละธนาคารแล้ว ก่อนตัดสินใจอย่าลืมประเมินสุขภาพทางการเงินของตนเอง ว่าตอนนี้ผ่อนอะไรอยู่ หรือต่อเดือนมีรายจ่ายเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถคำนวณอัตราส่วนของหนี้ต่อรายได้ (Debt to Income Ratio หรือ DTI) ได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะมีเกณฑ์กำหนดว่าอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้ ไม่ควรเกิน 40%-50% ของรายได้ทั้งหมด

ความสำคัญของดอกเบี้ย EIR
 

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี

 

• ช่วยลดดอกเบี้ยในระยะยาว

การรีไฟแนนซ์ก่อน 3 ปี มีข้อดีหลัก ๆ คือ อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้ยอดผ่อนที่ต้องจ่ายต่อเดือนน้อยลงตามไปด้วย มีเงินเหลือพอใช้จ่ายในส่วนอื่นที่จำเป็น เช่น การซ่อมแซมบ้าน จ่ายค่าเทอม หรือเก็บออมไว้สำหรับอนาคต
 

• มีเงินก้อน เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน

ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของการรีไฟแนนซ์ ก็คือเงินก้อนที่สามารถนำไปใช้จ่าย เป็นเงินหมุนเวียน ชำระหนี้บัตรเครดิต แต่ต้องจำไว้เสมอว่าต้องวางแผนบริหารเงินให้รอบคอบ  และเกิดสภาพคล่อง เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต

ก่อนเลือกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านทุกครั้ง ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และหาข้อเสนอที่ใช่สำหรับคุณ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการประเมินความสามารถในการจ่ายหนี้ ว่ากำลังมีผ่อนชำระหรือไม่ ถึงแม้ว่าหลายคนจะวางแผนรอให้ครบ 3 ปีไปก่อน แต่การรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปี ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มันคือทางเลือกที่ช่วยให้บริหารจัดการหนี้ได้ดียิ่งมากขึ้น

หากกำลังมองหาวิธี ลดค่างวดผ่อนบ้านที่หนักอึ้ง หรือต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เพราะสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านจาก LH Bank ถูกคิดมาให้คุณ ปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสม ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ที่สำคัญจะได้รับโปรโมชันช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ลดลง และสบายใจยิ่งขึ้น
 
* หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศและระเบียบที่ธนาคารกำหนด
**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

 
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง