ใครที่กำลังผ่อนบ้านอยู่กับธนาคาร อาจเริ่มรู้สึกถึงภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กู้บ้านด้วยอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งอาจทำให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเงินต้นในบางช่วงเวลา ส่งผลให้ยอดหนี้สินลดลงไปไม่มากแม้จะผ่อนบ้านมาต่อเนื่องหลายปีแล้วก็ตาม หนึ่งในวิธีแก้ไขที่หลายคนนิยมใช้คือ “การรีไฟแนนซ์บ้าน” เพื่อปรับเปลี่ยนประเภทดอกเบี้ยใหม่ โดยวิธีนี้สามารถทำได้ทั้งกับธนาคารใหม่หรือธนาคารเดิมที่เราผ่อนบ้านอยู่แล้ว แต่คุณอาจจะยังไม่ทราบ ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมก็มีข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม โดยจะมีรายละเอียด ขั้นตอน และข้อมูลสำคัญอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม คืออะไร
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม หมายถึง การปรับปรุงเงื่อนไขสัญญากู้บ้านกับธนาคารเดิมหรือสถาบันการเงินที่คุณกู้อยู่ โดยไม่ต้องเปลี่ยนผู้ให้กู้ใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้เงื่อนไขการกู้ที่ดีขึ้น และเหมาะสมกับสภาพคล่องทางการเงินในปัจจุบัน
รีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมช่วยอะไรบ้าง
- ช่วยปรับลดอัตราดอกเบี้ย: หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง หรือคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ธนาคารอาจเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิมให้คุณ เช่น จากเดิมอัตราดอกเบี้ย 6% อาจลดเหลือ 4% ทำให้ยอดผ่อนชำระรายเดือนลดลง
- สามารถเปลี่ยนประเภทดอกเบี้ยได้: คุณสามารถเปลี่ยนจากดอกเบี้ยลอยตัวเป็นดอกเบี้ยคงที่ (หรือในทางกลับกัน) ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ทางการเงิน
- ปรับระยะเวลาการกู้: ช่วยปรับเปลี่ยนระยะเวลาการกู้ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยืดระยะเวลาการกู้ เพื่อลดยอดผ่อนชำระรายเดือน (แต่จะจ่ายดอกเบี้ยรวมมากขึ้นในระยะยาว) หรือลดระยะเวลาการกู้ เพื่อประหยัดดอกเบี้ยรวมและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น (แต่ยอดผ่อนชำระรายเดือนจะสูงขึ้น)
- รวมหนี้เป็นก้อนเดียวหรือถอนเงินสดมาใช้ได้: ในบางกรณีคุณอาจสามารถรวมหนี้อื่น ๆ เข้ากับสินเชื่อบ้านเดิม หรือถอนเงินสดจากส่วนต่างของมูลค่าบ้าน เพื่อนำไปใช้จ่ายหรือลงทุนอื่น ๆ ได้
ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมแบบเข้าใจง่าย
สมมติว่าคุณเป็นลูกค้าธนาคารเดิมที่กู้เงินซื้อบ้านมาแล้ว 3 ปี ด้วยเงื่อนไขดังนี้
- ยอดกู้เริ่มต้น: 5,000,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยเดิม: 5.5% ต่อปี (แบบลอยตัว)
- ระยะเวลากู้: 25 ปี
- ยอดผ่อนชำระรายเดือน: 30,700 บาท
หลังจากผ่อนมา 3 ปี คุณเหลือยอดหนี้ประมาณ 4,600,000 บาท และพบว่าธนาคารกำลังเสนอโปรโมชันรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมให้ลูกค้าด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.75% ต่อปี คุณจึงตัดสินใจรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมด้วยข้อเสนอใหม่ดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยใหม่: 3.75% ต่อปี (แบบคงที่)
- ระยะเวลากู้ใหม่: 22 ปี (เท่ากับระยะเวลาที่เหลือจากสัญญาเดิม)
- ยอดผ่อนชำระรายเดือนใหม่: 24,500 บาท
- ค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์: 50,000 บาท (รวมค่าดำเนินการและค่าปรับชำระก่อนกำหนด)
ผลลัพธ์ที่ได้
- ช่วยลดภาระรายเดือน: ประหยัดเดือนละ 6,200 บาท (จาก 30,700 บาท → 24,500 บาท) เงินส่วนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายอื่น ๆ หรือออมเพิ่มได้
- ประหยัดดอกเบี้ยรวม 1.9 ล้านบาท: เพราะอัตราดอกเบี้ยลดจาก 5.5% → 3.75%
- มีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น: ไม่ต้องกังวลว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะเปลี่ยนเป็นดอกเบี้ยคงที่แล้ว
- ไม่ต้องเปลี่ยนผู้ให้กู้: ไม่ต้องย้ายหลักประกันหรือกรอกเอกสารใหม่ให้ยุ่งยาก
ข้อดีและข้อเสียของการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม
●ข้อดีของการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม
- สะดวกและรวดเร็วกว่าย้ายไปธนาคารใหม่: เนื่องจากธนาคารเดิมมีข้อมูลสินเชื่อและประวัติธุรกรรมของคุณอยู่แล้ว จึงช่วยลดเวลาในการพิจารณา ส่งผลให้การดำเนินการอาจเร็วกว่าเพราะไม่ต้องตรวจสอบเครดิตมากเท่าธนาคารใหม่
- ไม่ต้องเตรียมเอกสารใหม่ทั้งหมด: แน่นอนว่าธนาคารเดิมจะต้องมีเอกสารและข้อมูลของคุณอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องส่งเอกสารใหม่ทั้งหมด ช่วยลดขั้นตอนที่น่าปวดหัวได้เยอะเลยทีเดียว
- มีโอกาสต่อรองดอกเบี้ยให้ถูกลงได้: หากคุณเป็นผู้กู้ที่มีประวัติชำระเงินดี ตรงเวลาเสมอ ไม่เคยผิดนัดชำระ คุณก็สามารถใช้จุดนี้เป็นข้อต่อรองเพื่อขออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ดีกว่าได้ ซึ่งโดยปกติแล้วธนาคารเดิมมักไม่อยากเสียลูกค้าเก่าไป จึงอาจเสนอโปรโมชั่นพิเศษให้ในบางกรณี
- ไม่ต้องเสียค่าปรับ: ธนาคารบางแห่งมีค่าปรับ 2-3% ของยอดหนี้ เมื่อปิดบัญชีก่อนกำหนด (เช่น ก่อน 3 ปี) หากเลือกรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม อาจไม่ต้องเสียค่าปรับนี้
- อาจได้รับเงื่อนไขสินเชื่ออื่นที่ดีขึ้น: บางธนาคารอาจเสนอวงเงินเพิ่มหรือเงื่อนไขที่ดีขึ้น เช่น ระยะเวลาผ่อนยาวขึ้น และอาจสามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนได้
●ข้อเสียของการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม
- ขอลดอัตราดอกเบี้ยได้น้อย: เนื่องจากคุณเป็นลูกค้าเก่าอยู่แล้ว ธนาคารจึงต้องการรักษาผลกำไรจากดอกเบี้ยให้มากที่สุด อีกทั้งการลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าเก่ามากเกินไป ก็อาจกระทบกับกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ ธนาคารจึงมองว่าไม่คุ้มหากให้คุณมากเกินไป
- อัตราดอกเบี้ยอาจไม่ถูกที่สุด: เนื่องจากธนาคารอื่นอาจมีโปรโมชั่นที่คุ้มค่ามากกว่าเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ คุณจึงอาจพลาดโอกาสได้ดอกเบี้ยที่ดีที่สุดถ้าไม่เปรียบเทียบหลายธนาคาร
- เงื่อนไขการอนุมัติอาจไม่ยืดหยุ่น: ธนาคารเดิมของคุณอาจมีนโยบายสินเชื่อที่เข้มงวดกว่าธนาคารอื่น หากคุณมีปัญหาทางการเงิน เช่น รายได้ลดลงก็อาจไม่ได้รับเงื่อนไขที่ดีขึ้น
- อาจไม่ได้ลดค่างวดมากเท่าที่ควร: หากคุณคำนวณดอกเบี้ยและค่างวดใหม่ไม่รอบคอบ ก็อาจได้ดอกเบี้ยใหม่แต่ก็ยังสูงกว่าธนาคารอื่นอยู่ดี
- อาจเสียโอกาสในการใช้สิทธิพิเศษจากธนาคารใหม่: ธนาคารใหม่อาจให้สิทธิพิเศษที่มากกว่าปกติเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ในช่วงแรก อาจมีของแถมหรือข้อเสนอพิเศษให้คุณเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินที่กำลังเผชิญ
รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม เหมาะกับใคร?
- คนที่ไม่อยากยุ่งยากเรื่องเอกสาร: ใครที่เบื่อหน่ายกับการจัดเตรียมเอกสาร เรียบเรียงเอกสารหรือยื่นขอเอกสารต่าง ๆ การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมจะตอบโจทย์คุณเป็นอย่างยิ่ง
- คนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์: คนที่ไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับต่าง ๆ เมื่อไปยื่นรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่
- คนที่ต้องการความต่อเนื่องในการใช้บริการกับธนาคารเดิม: คนที่ชอบและคุ้นชินกับการให้บริการของธนาคารเดิม ไม่อยากเปลี่ยนธนาคาร ไม่อยากทำเรื่องยุ่งยาก
- คนที่ย้ายไปธนาคารใหม่ได้ยาก: การขอสินเชื่อใหม่กับธนาคารอื่นอาจมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมากกว่า เช่น ถ้ารายได้ลดลงหรือมีภาระหนี้สูงขึ้น ธนาคารใหม่อาจไม่อนุมัติสินเชื่อ
การขอรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเพิ่มวงเงิน
การขอรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเพิ่มวงเงิน คือการขอปรับโครงสร้างสินเชื่อบ้านใหม่ โดยที่คุณสามารถขอกู้เพิ่มจากยอดหนี้คงเหลือเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ เช่น นำไปปรับปรุงต่อเติมบ้าน, ปิดหนี้บัตรเครดิต หรือนำเงินไปลงทุนต่อยอดใช้จ่ายอื่น ๆ โดยมีหลักการทำงานคร่าว ๆ ดังนี้
- ธนาคารจะพิจารณาจาก ราคาประเมินบ้านในปัจจุบัน
- ธนาคารจะให้สินเชื่อใหม่โดยใช้บ้านเป็นหลักประกัน
- วงเงินใหม่จะครอบคลุมหนี้บ้านเดิม + วงเงินกู้เพิ่ม (มูลค่าของบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น)
ตัวอย่างการขอรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเพิ่มวงเงินแบบเข้าใจง่าย
ก่อนรีไฟแนนซ์
- บ้านมูลค่า 3 ล้านบาท
- ยอดหนี้คงเหลือ 1.5 ล้านบาท
หลังรีไฟแนนซ์เพิ่มวงเงิน
- ธนาคารให้กู้สูงสุด 80% ของราคาประเมิน (2.4 ล้านบาท)
- ชำระหนี้เดิม 1.5 ล้านบาท
- ได้เงินกู้เพิ่ม 900,000 บาท
สรุปได้ว่า คุณจะได้เงินสดเพิ่ม 900,000 บาท แต่ยอดหนี้รวมใหม่จะเป็น 2.4 ล้านบาท
คุณสมบัติของผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเพิ่มวงเงินได้
ผู้ขอรีไฟแนนซ์ต้องผ่อนบ้านมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี (บางธนาคารอาจกำหนด 2 ปี) ต้องไม่มีประวัติค้างชำระหรือผิดนัด เพราะธนาคารจะตรวจสอบเครดิตบูโร ยิ่งมีประวัติการผ่อนที่ดี ธนาคารก็อาจให้ดอกเบี้ยพิเศษและอนุมัติวงเงินเพิ่มได้ง่ายขึ้น
- มีรายได้ที่มั่นคงและเพียงพอต่อการผ่อนชำระสินเชื่อ
ผู้กู้ต้องมีรายได้มั่นคงและสามารถชำระหนี้เพิ่มเติมได้ ธนาคารอาจพิจารณาจากสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ซึ่งโดยทั่วไปต้องไม่เกิน 40-50% หากภาระหนี้สูงธนาคารก็อาจไม่อนุมัติ
- มีมูลค่าหลักประกันที่สูงกว่าวงเงินสินเชื่อคงค้าง
มูลค่าหลักประกันที่สูงกว่าวงเงินสินเชื่อคงค้างเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธนาคารอนุมัติการรีไฟแนนซ์เพิ่มวงเงินได้ง่ายขึ้น เนื่องจากธนาคารจะพิจารณาให้สินเชื่อตามมูลค่าประเมินของหลักประกัน (บ้าน) และสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าของหลักประกัน (ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงต่ำ)
- มีเหตุผลและความจำเป็นในการขอเพิ่มวงเงินที่สมเหตุสมผล
ธนาคารจะพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นของการขอวงเงินเพิ่มอย่างเข้มงวด เพื่อประเมินว่าผู้กู้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ดี และไม่เป็นภาระทางการเงินในระยะยาว หากคุณขอวงเงินเพิ่มโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม อาจทำให้ภาระหนี้สูงขึ้นจนกระทบสภาพคล่อง ธนาคารจึงต้องตรวจสอบว่าผู้กู้ยังมีความสามารถในการผ่อนชำระหรือไม่ หากขอเงินกู้เพิ่มโดยไม่มีแผนการใช้เงินที่ชัดเจน อาจนำไปสู่การเป็นหนี้เกินตัวได้นั่นเอง
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่จะช่วยคุณปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงินให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญากู้บ้านกับธนาคารเดิม โดยไม่ต้องเปลี่ยนผู้ให้กู้ใหม่ ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย เปลี่ยนประเภทดอกเบี้ยให้เหมาะสม หรือปรับระยะเวลาการกู้ใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบัน นอกจากนี้การรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมยังมีความสะดวกรวดเร็วกว่าย้ายไปธนาคารใหม่ ไม่ต้องเตรียมเอกสาร ไม่ต้องเสียค่าปรับ ลดค่าธรรมเนียมและลดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองได้
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังผ่อนบ้านแต่ประสบปัญหาทางการเงิน หมุนเวียนค่าใช้จ่ายไม่ทัน เริ่มชำระหนี้ไม่ไหวแต่ไม่อยากผิดนัดชำระ ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้ให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น LH Bank ขอเสนอสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์บ้านแสนคุ้มค่า ให้คุณนำเงินก้อนไปไถ่ถอนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินเดิม พร้อมขอวงเงินเพิ่มสำหรับการต่อเติม ตกแต่ง ซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือสินเชื่ออเนกประสงค์ได้ตามต้องการ ด้วยเงื่อนไขพิเศษที่คัดสรรมาแล้วเพื่อทุกคน
สอบถามรายละเอียดสินเชื่อบ้านเพิ่มเติมได้ที่
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา
เว็บไซต์:
www.lhbank.co.th/th/personal/loans/
LH Bank Call Center: 1327
Facebook:
LH Bank
หมายเหตุ:
*หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศและระเบียบที่ธนาคารกำหนด
**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว