อยากซื้อบ้าน ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่กู้ซื้อบ้านได้
หนึ่งในคำถามสำคัญที่สุดสำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง “เงินเดือนเท่าไหร่ซื้อบ้านได้ ? ” การประเมินความสามารถทางการเงินของตนเองอย่างรอบด้านและแม่นยำก่อนตัดสินใจ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณทราบวงเงินกู้ที่เหมาะสมกับศักยภาพ แต่ยังเป็นเกราะป้องกันไม่ให้การผ่อนชำระกลายเป็นภาระหนักเกินตัว และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นปัจจัยหลักที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาเพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้ผ่านอีกด้วย บทความนี้จะอธิบายหลักเกณฑ์สำคัญของธนาคาร กับฐานเงินเดือนให้เข้าใจมากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถนำไปประเมินวงเงิน และโอกาสในการกู้ด้วยตนเองได้
หลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร ในการกู้ซื้อบ้าน
หัวใจสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อบ้านของธนาคาร คือ การประเมิน “ความสามารถในการชำระหนี้” (Debt Service Ratio - DSR) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์หลักที่ใช้ประเมินว่าผู้กู้ มีความสามารถในการกู้บ้านด้วยเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงกู้ได้อย่างเหมาะสม โดยไม่กระทบต่อค่าครองชีพ หลักการนี้มีขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ธนาคารนำมาใช้ในการพิจารณา ดังนี้
• แหล่งที่มาของรายได้
แหล่งที่มาของรายได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ธนาคารใช้ประเมิน ความมั่นคงและความสม่ำเสมอของรายรับ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการผ่อนชำระระยะยาว สำหรับผู้มีรายได้ประจำ ธนาคารจะให้ความเชื่อถือสูงเนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนและตรวจสอบได้ง่ายผ่านสลิปเงินเดือน ในขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวหรืออาชีพอิสระ ธนาคารจะพิจารณาอย่างละเอียดมากขึ้นจากความสม่ำเสมอของรายรับในรายการเดินบัญชีย้อนหลังและเอกสารยืนยันการดำเนินธุรกิจ เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือ
• ภาระหนี้สิน
ในการพิจารณาสินเชื่อธนาคารจะนำภาระหนี้สินทั้งหมดที่คุณมีอยู่มาพิจารณาประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, หรือสินเชื่อรถยนต์ โดยจะนำยอดผ่อนชำระหนี้สินเหล่านี้ต่อเดือนมารวมกันเพื่อคำนวณ อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ หากคุณมีภาระหนี้เดิมสูง จะทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ใหม่ (คือสินเชื่อบ้าน) ลดน้อยลง
• ประวัติการชำระหนี้ (เครดิตบูโร)
ประวัติข้อมูลเครดิต หรือ เครดิตบูโร คือ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ธนาคารใช้ในการประเมิน วินัยและความน่าเชื่อถือทางการเงิน ของผู้กู้ รายงานนี้จะแสดงพฤติกรรมการชำระหนี้สินเชื่อทุกประเภทในอดีต หากคุณมีประวัติการชำระที่ดีและตรงต่อเวลาเสมอ จะสะท้อนถึงความรับผิดชอบและลดความเสี่ยงของธนาคาร ทำให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อสูง
• ความสามารถในการผ่อนชำระ
ปัจจัยนี้คือการนำข้อมูลทั้ง 3 ข้อข้างต้น (รายได้, ภาระหนี้, ประวัติเครดิต) มาสรุปรวมเพื่อประเมินศักยภาพที่แท้จริงของผู้กู้ ธนาคารจะคำนวณว่าหลังจากหักภาระหนี้สินเดิมออกจากรายได้แล้ว ผู้กู้จะเหลือ กระแสเงินสดสุทธิ เท่าใด และกระแสเงินสดนั้นเพียงพอที่จะรับภาระค่างวดของสินเชื่อบ้านใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วภาระผ่อนหนี้ทั้งหมด (หนี้เก่า+หนี้ใหม่) ไม่ควรเกิน 40%-50% ของรายได้ต่อเดือน และคงเหลือเพียงพอในการดำรงชีพ
• หลักประกัน
หลักประกันในที่นี้คือ ตัวทรัพย์สิน (บ้านหรือคอนโด) ที่คุณต้องการจะซื้อนั่นเอง ธนาคารจะทำการประเมินมูลค่าของทรัพย์สิน เพื่อกำหนดวงเงินสินเชื่อที่จะอนุมัติ โดยทั่วไปธนาคารจะปล่อยกู้สูงสุดไม่เกิน 80%-100% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน (แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า) การประเมินนี้ทำขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงของธนาคาร หากในอนาคตผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารจะสามารถนำทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักประกันนี้ไปขายทอดตลาดเพื่อชดเชยหนี้สินได้
• เอกสารประกอบการพิจารณา
การส่งเอกสารที่ครบถ้วนและถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารยืนยันตัวตน, เอกสารแสดงรายได้, รายการเดินบัญชี, หรือเอกสารเกี่ยวกับหลักประกัน จะช่วยให้การยื่นกู้ขอสินเชื่อง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะหากเอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน จะทำให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อล่าช้าออกไป และในบางกรณีอาจทำให้ธนาคารไม่สามารถประเมินความสามารถที่แท้จริงของคุณได้
อยากรู้ เงินเดือนเท่าไหร่กู้ซื้อบ้านได้ ?
หลังจากที่ได้ทราบหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารในภาพรวมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำหลักเกณฑ์เหล่านั้นมาประเมินความสามารถของตนเอง เพื่อตอบคำถามสำคัญที่ว่า เงินเดือนเท่าไหร่ซื้อบ้านได้ ซึ่งคุณสามารถประเมินวงเงินกู้สูงสุดเบื้องต้นได้ด้วยตนเองด้วยเครื่องมือต่อไปนี้
เครื่องมือคำนวณค่างวด
เพื่อช่วยให้คุณสามารถประเมินภาระผ่อนชำระต่อเดือนได้ง่ายขึ้น LH Bank ได้จัดเตรียม "
เครื่องมือคำนวณสินเชื่อบ้าน" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเห็นภาพค่าใช้จ่ายรายเดือนจากวงเงินกู้ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการใช้งานเครื่องมือคำนวณค่างวด
- กรอกข้อมูลเบื้องต้น 3 ส่วนหลัก ดังนี้:
- วงเงินที่ขอกู้: ระบุจำนวนเงินที่คุณต้องการขอสินเชื่อจากธนาคาร
- อัตราดอกเบี้ย (%): ใส่อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่คุณสนใจ (สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยโปรโมชันปัจจุบันเพื่อการคำนวณที่แม่นยำขึ้น)
- ระยะเวลาขอกู้ (ปี): เลือกระยะเวลาที่ต้องการผ่อนชำระ (สูงสุดไม่เกิน 30-40 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข)
- จากนั้นกดปุ่ม "คำนวณ" ระบบจะแสดงยอดผ่อนชำระต่อเดือนโดยประมาณให้ทันที
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าคุณต้องการกู้ซื้อบ้านในวงเงิน 3,000,000 บาท โดยได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 5.69% ต่อปี และเลือกระยะเวลาผ่อนชำระนานที่สุด คือ 30 ปี สามารถทำได้ดังนี้
- กรอกข้อมูลลงในเครื่องมือคำนวณ:
- วงเงินที่ขอกู้: 3,000,000
- อัตราดอกเบี้ย (%): 5.69
- ระยะเวลาขอกู้ (ปี): 30
- ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ยอดผ่อนชำระต่อเดือนประมาณ 19,400 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 360 เดือน
ตัวเลขนี้สามารถนำไปเปรียบเทียบกับรายได้ และความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง เพื่อวางแผนการเงินในขั้นตอนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: ผลการคำนวณข้างต้นเป็นการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร คุณสามารถสอบถามอัตราดอกเบี้ยและรายละเอียดที่แน่นอนได้จากเจ้าหน้าที่ธนาคารทุกสาขา
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่องบประมาณการซื้อบ้าน
1. ขนาดพื้นที่บ้าน
ขนาดของบ้านและที่ดินเป็นปัจจัยแรกที่ส่งผลโดยตรงต่อราคาซื้อขาย ยิ่งมีพื้นที่ใช้สอยหรือขนาดที่ดินมาก ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นตามสัดส่วน แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วยคือค่าใช้จ่ายระยะยาวที่แปรผันตามขนาด ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณในการตกแต่งที่สูงขึ้น, ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มตามพื้นที่, ค่าบำรุงรักษาในอนาคต, ไปจนถึงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้น การเลือกขนาดบ้านที่เหมาะสมกับความต้องการและสอดคล้องกับงบประมาณระยะยาว จึงเป็นการวางแผนที่ชาญฉลาดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่ให้บานปลาย
2. ทำเลที่ตั้ง
บ้านที่อยู่ในทำเลใจกลางเมือง หรือใกล้ระบบขนส่งมวลชนและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ย่อมมีราคาสูงกว่าบ้านในทำเลชานเมือง แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันคือค่าใช้จ่ายแฝงในระยะยาว เช่น ค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางในแต่ละวัน รวมถึงศักยภาพในการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินในอนาคต ดังนั้น การประเมินทำเลจึงไม่ใช่เพียงการมองที่ราคาซื้อขายในปัจจุบัน แต่เป็นการคำนวณความคุ้มค่าทางการเงินโดยรวมตลอดระยะเวลาที่อยู่อาศัย
3. สิ่งอำนวยความสะดวก
สิ่งอำนวยความสะดวกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่องบประมาณ โครงการที่มีส่วนกลางขนาดใหญ่และครบครัน มักจะมีราคาสูงกว่าและตามมาด้วยค่าส่วนกลางรายปีที่ต้องชำระเพิ่มเติม นอกจากนี้ ความใกล้ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายนอก เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, และสถานศึกษา ก็มีผลต่อราคาบ้านเช่นกัน
กู้ซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก?
การเตรียมตัวที่ดีไม่เพียงช่วยให้คุณทราบงบประมาณที่เหมาะสม แต่ยังเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและลดความกังวลในกระบวนการทั้งหมด ซึ่งคุณสามารถเตรียมตัวได้ง่าย ๆ ดังนี้
• จัดการภาระหนี้สิน
ก่อนยื่นขอสินเชื่อ ควรจัดการหรือเคลียร์ภาระหนี้สินที่ไม่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะธนาคารจะนำภาระผ่อนรายเดือนของหนี้เหล่านี้มาคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มโอกาสอนุมัติ
• ทำรายการเดินบัญชี
รายการเดินบัญชี หรือ Statement คือ หลักฐานสำคัญที่สะท้อนวินัยและสุขภาพทางการเงินของคุณได้ดีที่สุด ธนาคารจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อประเมินความสม่ำเสมอของรายรับและพฤติกรรมการใช้จ่าย
• ไม่มีประวัติผิดชำระหนี้
ประวัติการชำระหนี้ที่ดีและตรงต่อเวลา บ่งบอกถึงความรับผิดชอบและความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้กู้ สำหรับธนาคารแล้ว ผู้กู้ที่ไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้เลยถือเป็นผู้กู้ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด แสดงให้เห็นถึงความสามารถและวินัยในการจัดการภาระหนี้สินได้เป็นอย่างดี ความเชื่อถือนี้เองที่ทำให้ธนาคารกล้าที่จะอนุมัติสินเชื่อให้ง่ายขึ้น
• ออมเงินดาวน์ให้ได้มากที่สุด
การออมเงินดาวน์อย่างน้อย 10%-20% ของราคาบ้าน ไม่เพียงแต่จะช่วยลดวงเงินกู้และภาระผ่อนต่อเดือนลง แต่ยังแสดงถึงวินัยและความพร้อมทางการเงิน หากถามว่ากู้บ้านต้องเงินเดือนเท่าไหร่ เงินเดือนน้อยจะกู้ได้ไหม วิธีการออมเงินดาวน์แบบนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้ผ่านได้เป็นอย่างดี
• เลือกบ้านที่มีราคาเหมาะสม
การเลือกซื้อบ้านควรพิจารณาราคาที่ไม่สูงเกินไป จนทำให้ค่างวดต่อเดือนตึงตัวและกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การเลือกบ้านที่มีราคาเหมาะสมกับรายได้และกำลังในการผ่อนชำระ ไม่เพียงช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
การประเมินว่าเงินเดือนเท่าไหร่กู้ซื้อบ้านได้ ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมทางการเงินอย่างรอบด้าน ทั้งการจัดการภาระหนี้, การสร้างวินัยทางการออม, และการเลือกทรัพย์สินที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง เมื่อคุณเข้าใจหลักเกณฑ์และเตรียมตัวอย่างดีตามแนวทางในบทความนี้ การเป็นเจ้าของบ้านในฝันก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงอีกต่อไป
การเลือกสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านหลังแรกเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับก้าวแรก หลังจากนั้นคือการวางแผนการเงินอย่างรัดกุมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาว สำหรับท่านใดที่มีบ้านและต้องการลดภาระดอกเบี้ย ค่างวด ด้วยการรีไฟแนนซ์ LH Bank ขอเสนอสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์บ้าน พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย ดูแลผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาและวางแผนทางการเงินเพื่อความคุ้มค่าของคุณ
สอบถามรายละเอียดสินเชื่อบ้านเพิ่มเติมได้ที่:
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา
เว็บไซต์:
www.lhbank.co.th/th/personal/loans/
LH Bank Call Center: 1327
Facebook:
LHBank
* หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศและระเบียบที่ธนาคารกำหนด
**กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ปัจจุบัน อยู่ระหว่าง 4.69% - 4.81%ต่อปี สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR = 8.53% ต่อปี อ้างอิง ณ วันที่ 27 พ.ค. 2568 ทั้งนี้ “อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้” รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.lhbank.co.th
- อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้นปีแรก = 1.59% ต่อปี ดอกเบี้ยปีที่ 2-3 = 3.63% ต่อปี โดยลูกค้าต้องทำประกัน MRTA/MLTA และไม่ฟรีค่าจดจำนอง ตามเงื่อนไขของธนาคาร
- เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร LH Bank Call Center 1327
- โปรโมชันวันนี้ – 31 ต.ค. 2568